2/4/54

เรื่องย่อ+ตัวละครใน kyou kara amou




Title : ชื่อญี่ปุ่น 今日から㋮のつく自由業!          ชื่ออังกฤษ "God(?) Save Our King" หรือ "Kyo Kara Maoh!" or Maou!          ชื่อไทย "ผมน่ะหรือคือราชาปีศาจ!" หรือ "เจ้าชายห้องน้ำ"
Novel : Ma no Tsuku Series (マのつく) (เรียกสั้น ๆ ว่า まるマ/Maru-ma)
            
ของ อ.โทโมะ ทาคาบายาชิ (Tomo Takabayashi)
           (ในส่วนของนิยาย อาจแตกต่างจากAnime มากๆ เลยคะ...ยังทำใจไม่ได้ อ.ใจร้าย)

ภาพ :  อ.เทมาริ มัตสึโมโตะ (Temari Matsumoto)
แนว : FANTASY COMEDY (Yaoi)
สถานะปัจจุบัน : Season 3 (season ละ 39 ตอน) + VOA

เรื่องย่อ

วันหนึ่ง ชิบูยะ ยูริ (Yuuri Shibuya) นักเรียนมัธยมปลายธรรมดาที่รักเบสบอลเป็นชีวิตจิตใจ ได้บังเอิญไปพบกับเหตุการณ์เพื่อนร่วมห้องสมัย ม.ต้น กำลังถูกรังแกจึงพยายามเข้าไปช่วย
แต่กลับถูกกลุ่มนักเรียนนักเลงเหล่านั้นลากตัวเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะ
กลุ่มนักเลงตั้งใจจะแก้แค้นยูริโดยการกดชักโครกแล้วเอาหน้าของเขากดลงไป
แต่นั่นกลับทำให้ยูริถูกชักโครกดูดจนหลุดมาอยู่ในสถานที่หนึ่ง ซึ่งคล้ายกับหมู่บ้านของชาวยุโรปยุคกลาง
ที่นั่น ยูริไม่ได้รับการต้อนรับจากคนที่นั่นและยังถูกขับไล่ โชคดีที่มีกลุ่มคนขี่ม้าเข้ามาช่วยเขาไว้ได้ทัน
จากนั้นยูริก็เดินทางไปยังบ้านพักแห่งหนึ่งเพื่อรับฟังเรื่องราวต่างๆ จากผู้ชายสองคน
"เซอร์คอนราท เวลเลอร์" (Sir Conrad Weller) กับ "ลอร์ดกุนเทอร์ ฟอน ไครสท์" (Lord Günter von Kleist)
ทราบว่า ตัวเขาจริงๆ แล้วเป็นคนของชนเผ่าปีศาจที่ดวงวิญญาณถูกส่งให้ไปเกิดยังโลกมนุษย์
และเป็นมาโอ (ราชาปีศาจ) หรือกษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักร
วันรุ่งขึ้น ยูริเดินทางไปยังพระราชวังเขาได้พบกับอดีตเจ้าชายครบทั้งสามพระองค์ องค์โตคือ ลอร์ดเกวนดัล ฟอน วอลแตร์ (Lord Gwendal von Voltaire)
องค์รองคือ เซอร์คอนราท เวลเลอร์ (Sir Conrad Weller)
และองค์เล็กคือ ลอร์ดโวลฟรัม ฟอน บีเลอเฟลท์ (Lord Wolfram von Bielefelt)

คืนนั้นยูริร่วมโต๊ะอาหารกับเหล่าอดีตพระราชวงศ์รวมถึงพระราชินีองค์ก่อน 
เลดี้เซซิลี ฟอน ชปิทสเว็ก (Lady Cäcilie von Spitzweg) ด้วย และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น 
เมื่อวอลฟรัมใช้วาจาดูหมิ่นแม่ของยูริจนยูริทนไม่ได้ลุกขึ้นมาตบหน้าวอลฟรัม
ซึ่งยูริไม่รู้เลยว่าตามธรรมเนียมแต่โบราณของที่นี่การตบที่แก้มข้างซ้ายหมายถึงการขอแต่งงาน
วอลฟรัมโกรธมากถึงกับท้าดวลยูริ แต่กลายเป็นว่าการดวลครั้งนี้ทำให้วอลฟรัมหลงรักยูริหัวปักหัวปำ

ในระยะแรกยูริยังไม่ยอมรับกับสิ่งที่ได้รับฟังมา แต่ด้วยว่าเขารักความยุติธรรมและความถูกต้อง
เขาจึงต้องยอมรับอำนาจดังกล่าวมาไว้ในมือเพื่อที่จะหยุดสงครามอันโหดเหี้ยมและทารุณ
ระหว่างเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์มนุษย์ นอกจากต้องจัดการเรื่องต่างๆ ภายในประเทศของตัวเองแล้ว
ยูริยังเดินทางไปยังต่างประเทศจนประสบพบกับเหตุการณ์มากมาย
รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่อง "กล่องต้องห้ามทั้งสี่" ด้วย
 



ตัวละครหลัก
ชิบุยะ ยูริ

เด็กหนุ่มธรรมดาวัย 15ปี ที่รักการเล่นเบสบอลเป็นชีวิตจิตใจความจริงเขา คือ มาโอ (ราชาปีศาจ) องค์ที่ 27 แห่งอณาจักรชินมาโคคุ (อณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ) ยูริไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าตัวเองมีพลังปีศาจซึ่งมีอำนาจสูงสุด เมื่อใดที่เขาใช้พลังดังกล่าวร่างของเขาจะเปลี่ยนเป็นมาโอซึ่งร่างนี้จะเผยออกมาเมื่อเวลาคับขัน หรือเมื่อเขาโกรธจัด โดยปกติยูริสามารถเดินทางไปมาระหว่างโลกมนุษย์ และโลกปีศาจได้ แม้เขาไม่เคยตัด
สินใจด้วยตัวเองเลยสักครั้งก็ตาม



มุราตะ เคน
เคยเรียนหนังสืออยู่ห้องเดียวกันกับยูริ ตอนช่วง ม.ต้น ปัจจุบันเป็นนักเรียนยอดเยี่ยมอยู่ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ชื่อของเขาไปพ้องกับดาราละครย้อนยุคที่ยูริชอบ ทำให้ยูริซึ่งปกติจะจำชื่อเพื่อนนักเรียนเก่าคนอื่นไม่ได้เลยนอกจากเพื่อนร่วมทีมเบสบอล จำชื่อของมุราตะได้ขึ้นใจ มุราตะเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง แต่ว่าทักษะดังกล่าวก็ไม่เคยปรากฏอย่างชัดเจนนัก เขายังชอบพูดอะไรที่ฟังดูเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์หรือเรื่องเก่าๆ ซึ่งดูไม่เข้ากับอายุตัวเองอยู่บ่อยๆ อันที่จริงแล้วในอดีตชาติเมื่อนานมาแล้ว มุราตะเคยเกิดเป็นอัครเสนาบดี ผู้เป็นแรงสนับสนุนและช่วยกันสร้างอาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจร่วมกับพระปฐมกษัตริย์



เซอร์คอนราท เวลเลอร์

โอรสองค์รองของราชินีองค์ก่อน ดูจากภายนอกแล้วเหมือนอายุราวๆ 20 ปี ในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน คอนราท เป็นเพียงคนเดียวที่บิดาเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้จะไม่มีพลังเวทปีศาจเลย แต่อายุขัยของเขาดูเหมือนจะยืนยาวเช่นเดียวกับเผ่าปีศาจคนอื่นๆ เขาสืบทอดพรสวรรค์ด้านการใช้ดาบมาจากบิดา เขาเป็นคนใจเย็นและมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ จนไม่มีใครมองออกว่าลึกๆแล้วเขาคิดอะไรอยู่



ลอร์ดโวลฟรัม ฟอน บี เลอเฟลท์
โอรสองค์สุดท้องของราชินีองค์ก่อน คำพูดติดปากที่ใช้เรียกยูริคือ “ไก่อ่อน” เวลาอยู่เฉยๆ ดูเหมือนเป็นหนุ่มรูปงามที่มาจากสรวงสวรรค์ หากแต่วาจาของเขานั้นไม่รื่นหูสักเท่าไหร่ คนรอบๆ ตัวต่างให้ฉายาเขาว่า"เจ้าชายผู้เอาแต่ใจ"เพราะนิสัยของเขาเอง เขามีทักษะการใช้เวทธาตุไฟซึ่งถือว่าเป็นพันธุกรรมที่สืบทอดมาทางฝ่ายมารดา แต่นิสัยที่เอาแต่ใจนั้นกลับได้รับมาจากบิดา  เพราะวัฒนธรรมในโลกปีศาจ ยูริเองก็ไม่ทันระวังในจุดนี้จึงเผลอเอามือไปตบแก้มข้างซ้ายของโวลฟรัมเนื่องจากถูกสบประมาทว่ามีแม่เป็นมนุษย์ต่ำๆ ซึ่งสำหรับอาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้วการตบแก้มที่ข้างซ้ายถือเป็นการขอแต่งงาน ส่งผลให้โวลฟรัมกับยูริเป็นคู่หมั้นกันโดยปริยาย



ลอร์ดเกวนดัล  ฟอน
โวลแตร์

โอรสองค์แรกของราชินีองค์ก่อน เป็นชายหนุ่มที่ดูมีพละกำลัง พูดจาประชดประชันบ่อยครั้ง และมีรอยย่นระหว่างคิ้วตลอดเวลา มักจะชักสีหน้าเหมือนอารมณ์ไม่ดีชำนาญในการใช้พลังเวท
สายธรณี เกวนดัลเป็นคนชอบของเล็กๆ น่ารักๆ ถึงขนาดถักตุ๊กตา เช่น แมว เป็นงานอดิเรก โดยให้เหตุผลว่าเป็นการฝึกจิต
ให้เป็นเอกภาพ ทว่าไม่ว่าจะทำเท่าไหร่ฝีมือ ก็ไม่มีทีทางจะพัฒนาขึ้นเลยเกวนดัลมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทดลองของอะนิสซินาประจำ นอกจากนี้เกวนดัลกับเดนชาม (พี่ชายของอะนิสซินา) ยังเป็นเพื่อนสนิทกันด้วย



ลอร์ดกุนเทอร์ ฟอน ไครสท์

เป็นเสนาบดีประจำตัวพระราชา  ( ผู้ถวายคำปรึกษากษัตริย์) และเป็นผู้ถวายการศึกษาแก่ยูริ และยังเป็นหนึ่งในบรรดาหนูทดลองของอะนิส
ซินา เขายังมีความเชี่ยวชาญอีกหลายด้าน ทั้งการเมืองการปกครอง การศึกษา เวทปีศาจ การต่อสู้ นับว่าเป็นคนเก่งชนิดหาตัวจับได้ยาก แต่เมื่อเขามาอยู่ต่อหน้ายูริเมื่อไหร่ ภาพเหล่านั้นจะหายไปทันที เขาจะดูเหมือนแค่คนบ้าคนหนึ่งเท่านั้น กุนเทอร์เคยทำงานเป็นข้าราชการครูสังกัดกองทัพ และเคยสอนคอนราทมาก่อน



เลดี้เซซิลี ฟอน ชปิทสเว็ก

เป็นราชินีปีศาจองค์ที่ 26 แห่งอาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ (ปัจจุบันได้ลงจากตำแหน่งกลับมาเป็นขุนนาง) ผู้หญิงที่ได้รับฉายาว่า เซ็กซี่ ควีน คนนี้เป็นมารดาของ เกวนดัล คอนราท และ
โวลฟรัม ซึ่งทั้งสามคนมีพ่อคนละคนกัน (เซซิลีมีสามีมาแล้วสามคน และเป็นหม้ายทั้งสามครั้ง) เธอมีฉายาว่า "เซลี่สีทอง" จากที่เธอเป็นหนึ่งในหญิงแกร่งทั้งสามผู้ซึ่งมีพลังปีศาจสูงสุดในอาณาจักร เธอมีพี่ชายคือ ชตุฟเฟล เธอเป็นผู้หญิงสวย มีเสน่ห์ชวนหลงใหล ปัจจุบันกำลังออกเดินทางตามหารักไปรอบโลก บางครั้งเธอ
ก็แต่งตัวด้วยชุดเซ็กซี่ทำตัวเป็น "นักรบแห่งรักผู้งดงามและร้อนแรง"


เลดี้อะนิสซินา ฟอน คาร์เบลนิคอฟ
เธอมีบุคลิกที่ทำให้ผู้ชายหวาดกลัวไปทั่วจึงได้รับสมญานามต่างๆ นานา โดยเฉพาะยามที่เธอทำตัวเหมือนแมดเมจิซิสต์ (Mad Magicist) จะดูน่ากลัวกว่าปกติ เธอเป็นหนึ่งในสามของหญิงแกร่งแห่งอาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ มีฉายาว่า "อะนิสซินาสีแดง" เพราะว่าเธอมีผมสีแดงเพลิง เธอคาดหวังที่จะทำให้อาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นจึงพยายามประดิษฐ์เครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ (โดยเธอบอกว่าแต่ละชิ้นต้องอาศัยพลังปีศาจ) และในการนี้เธอได้ใช้เกวนดัล กุนเทอร์ และทหารบางนายมาเป็นหนูทดลองเครื่องมือของเธอ ด้วยบุคลิกของเธอนี้ โยซัคเองก็ตกหลุมรักอะนิสซินาเพียงฝ่ายเดียว


 โยซัค กุริแยร์
สายลับผู้คล่องแคล่วว่องไวของอาณาจักร บางทีก็ถูกเรียกว่า "ยาม" เป็นลูกครึ่งปีศาจกับมนุษย์ เกิดในอาณาจักรซีมารอนใหญ่ มีบิดาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ ส่วนมารดาที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นได้ทอดทิ้งเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก โยซัคเป็นหนึ่งในทหารของกองพลรุทเทมเบิร์กที่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ เป็นเพื่อนสมัยเด็กและ เพื่อนนักรบของคอน
ราท โยซัคจะเรียกคอนราทว่า "หัวหน้า" เพราะติดคำคำนี้มาตั้งแต่สมัยออกรบด้วยกัน เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น และมักเรียกเจ้าเธอว่า "อะนิสซินาจัง" โยซัคอยากจะเป็นหนูทดลองให้กับอะนิส
ซิมามาก แต่เพราะเขาไม่มีพลังปีศาจจึง
ไม่สามารถทำได้


ซาราเลกี
พระราชาแห่งอาณาจักรซีมารอนเล็ก อายุ 17 ปี มีเป้าหมายที่จะรวมอาณาจักรทั้งหมดในโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกับซีมารอนเล็ก  เขาเป็นโอรสของอดีตจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรผืนทรายศักดิ์สิทธิ์นามว่า "อาราซอน" กับพระราชาแห่งอาณาจักรซีมารอนเล็กองค์ก่อน "กิลบาล"ซาราเลกีเคยถูกคิดว่าไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์จึงถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรผืนทรายศักดิ์สิทธิ์ จริงๆ แล้วเขามีพลังลึกลับบางอย่าง เช่น สามารถมองเห็นสิ่งของในที่
มืดสนิทได้ แต่นั่นก็มีข้อเสียเพราะเขาต้องสูญเสียความสามารถในการมองสิ่งต่างๆ ในที่โล่งแจ้ง เพราะฉะนั้นจึงต้องใส่แว่นกันแดดไว้เกือบ
ตลอดเวลา


ที่มา : Thesisterme - http://www.thesisterme.com หากนำข้อมูลไปใช้กรุณาให้เครดิตเว็บไซต์ด้วยค่ะ



Cartoon's book








อธิบายศัพท์เฉพาะ

โลกทางโน้น, โลกทางนั้น, โลกฝั่งโน้น (異世界) 
โลกที่ยูริเดินทางกลับไปมา เป็นคำที่ใช้เรียกอย่างง่าย สภาพเศรษฐกิจสังคมที่นั่นคล้ายกับยุโรปยุคกลาง (หรือที่เรียกกันว่ายุคมืด) ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็คล้ายกับชาวตะวันตกทั้งสิ้น
อาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ (眞魔国) 
เป็นอาณาจักรของชนเผ่าปีศาจ ก่อตั้งโดยพระปฐมกษัตริย์(眞王)กับเหล่าทหารของพระองค์เมื่อราวๆ 4000 ปีก่อน ชื่ออย่างเป็นทางการของอาณาจักรคือ “อาณาจักรอันรุ่งเรืองของราชาองค์ใหม่ผู้ยิ่งใหญ่และประชาชนเผ่าปีศาจ ทุกสิ่งบนโลกล้วนก่อเกิดจากพวกเราเผ่าพันธุ์ปีศาจ ด้วยความกล้าหาญ เชาวน์ปัญญา และพลังอำนาจ ที่สามารถสยบได้แม้แต่พระเจ้าผู้สร้างโลก เผ่าพันธุ์ปีศาจจักต้องเจริญรุ่งเรืองสืบไป ชั่วนิรันดร์[7] แต่โดยปกติแล้วมักจะขนานนามอย่างลำลองว่า “อาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ”
ราชาปีศาจ (魔王) 
ตำแหน่งของพระเจ้าแผ่นดินแห่งอาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทั้งนี้การสืบราชสมบัติไม่ได้เป็นไปตามอย่างของโลกมนุษย์หรือแม้แต่อาณาจักรอื่นๆ ในโลกนั้นเองก็ตาม หากแต่ขึ้นอยู่กับพระบัญชาของพระปฐมกษัตริย์ทั้งสิ้น (ผ่านทางเทพพยากรณ์) นับแต่อดีตมาการขนานพระนามกษัตริย์จะเป็นไปตามแบบแผน คือ “พระราชา (พระนาม) ” หรือ “พระราชินี (พระนาม) ” แต่พอเข้ายุคสมัยใหม่ก็เริ่มเกิดการขนานพระนามตามกิจการที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติ เช่น “กษัตริย์นักบั่นคอ” หรือ “กษัตริย์จอมนองเลือด” เป็นต้น ยุคใดที่มีพระราชาผู้ทรงพระปรีชาสามารถ ตลอดจนทรงได้รับการเคารพเทิดทูนแล้ว เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของกษัตริย์องค์นั้นจะได้รับการสืบทอดสู่กษัตริย์รุ่นถัดมาอีกหลายรัชกาล
เผ่าพันธุ์ปีศาจ (魔族) 
เผ่าพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรเผ่าพันธุ์ปีศาจ อายุขัยโดยเฉลี่ยแล้วจะยาวนายกว่ามนุษย์ราวๆ 5 เท่า แต่ละคนจะมีพลังเวทไม่เหมือนกัน ประชาชนเผ่าพันธุ์ปีศาจมักจะมีหน้าตาผิวพรรณที่สวยงาม บริสุทธิ์ผุดผ่อง (จนคนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่หล่อหรือสวยบางทีก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผ่าปีศาจก็มี) สำหรับชนเผ่ามนุษย์แล้ว เผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว และน่าขยะแขยง
นอกจากนี้ ยังมีพวกลูกครึ่งระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ คนพวกนี้แม้จะไม่มีพลังปีศาจ แต่จะมีประสาทสัมผัสที่ไวและเก่งกว่ามนุษย์หลายเท่า แต่ดูเผินๆ แล้วภายนอกแทบไม่ได้แตกต่างกับมนุษย์เลย เพียงแค่คนพวกนี้จะมีอายุยืนกว่ามนุษย์ทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้น ทำให้ลูกครึ่งบางคนไม่ทราบเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นเลือดผสม
ผมดำและตาดำ (双黒) 
สำหรับชนเผ่าปีศาจแล้ว การมีผมและดวงตาเป็นสีดำนับว่าเป็นของสูงค่าและหาได้ยากยิ่งนัก มันเป็นหลักฐานที่บอกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างแน่นอน และจะทำให้สถานะหรือฐานันดรศักดิ์สูงกว่าขุนนางทั้งหมด (แต่ยังต่ำกว่ากษัตริย์) สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว สีดำหมายถึง ลางร้าย โชคไม่ดี หรืออาจจะหมายถึง ยาลับที่ทำให้ไม่แก่ไม่ตาย เป็นอมตะ
เวทปีศาจ (魔術) 
บทคาถาหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ในการต่อสู้ของชนเผ่าปีศาจ เป็นพลังที่มีแต่เผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้นที่จะครอบครองได้ การจะบังคับ “พลังปีศาจ” (魔力) เพื่อจะใช้เวทปีศาจได้นั้น จำต้องอาศัยพรสวรรค์ที่ติดมาแต่กำเนิด (มากับวิญญาณ) และต้องทำพันธสัญญากับธาตุใดธาตุหนึ่งก่อน จึงจะสามารถใช้พลังดังกล่าวได้ โดยมากผู้ที่ใช้เวทปีศาจได้จะเป็นชนชั้นขุนนางเพียงไม่กี่คน โดยปกติ ธาตุเพียงหนึ่งธาตุที่จะยอมรับพลังปีศาจแล้วยอมให้เราใช้เวทปีศาจควบคุมมันในการต่อสู้ได้ สำหรับพระราชายูริถือว่าเป็นข้อยกเว้นเนื่องจากทรงฤทธานุภาพมากจนธาตุทั้งหมดยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี
เวทศักดิ์สิทธิ์ (法術) 
มนุษย์จะเรียกร้องพลังจาก “บางสิ่งบางอย่าง” พลังที่ว่าไม่ได้มีติดตัวมาแต่กำเนิดดังเช่นพลังเวทของชนเผ่าปีศาจ แต่จำต้องได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจึงจะสามารถใช้ “พลังศักดิ์สิทธิ์” (法力) ได้ และหากมี “ศิลาศักดิ์สิทธิ์” ด้วยแล้วจะยิ่งทำให้พลังกล้าแกร่งขึ้นมาก
สำหรับพวกเผ่าเทวดา ส่วนใหญ่มักจะมีพลังที่ว่าตั้งแต่กำเนิด
กล่องต้องห้าม (禁忌の箱) 
กล่องที่พระปฐมกษัตริย์ทรงใช้พลังของพระองค์ปิดผนึก “สสารแห่งความพินาศ” ไว้ในกล่องสี่ใบ ซึ่งมีนามว่า “สุดขอบพสุธา” (地の果て) “จุดจบแห่งสายลม” (風の終わり) “ไฟโลกันตร์อันเย็นเฉียบ” (凍土の劫火) และ “ก้นบึ้งแห่งกระจก” (鏡の水底)แต่ละกล่องนั้นจะมีกุญแจอยู่ โดยการกำหนดส่วนของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของคนที่ถูกเลือกให้เป็นกุญแจ (การกำหนดนี้มีเพียงคนวงในบางคนเท่านั้นที่ทราบ) กุญแจดังกล่าวจะถูกสืบทอดผ่านในตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น กุญแจที่ว่านี้จะสามารถใช้เปิดกล่องได้ เจ้าของกุญแจทั้งนี่กล่องคือ โวลแตร์, เวลเลอร์, บีเลอเฟลท์ และ วินคอท ตามลำดับ
การที่จะปลดปล่อยสสารแห่งความพินาศออกมาได้นั้นจำต้องเปิดผนึกกล่องจุดจบแห่งสายลมเสียก่อน กล่องอื่นๆ จึงจะสามารถปลดผนึกได้
สสารแห่งความพินาศ(創主) 
เป็นสสารที่ไม่สามารถระบุได้ชัดว่าคืออะไร มีอยู่ด้วยกันหลายตัว ในอดีตพวกมันคอยทำลายโลกนั้นให้พินาศลงไป จนกระทั่งเมื่อราวๆ 4000 ปีก่อน พระปฐมกษัตริย์ทรงใช้เวทปีศาจและดาบมารปราบปรามและปิดผนึกพวกมันลงในกล่อง
ตระกูลขุนนางทั้งสิบ (十貴族) 
ตระกูลขุนนางที่เป็นเจ้าครองที่ดินตามหลักระบบศักดินาสวามิภักดิ์ (feudalism) แคว้นแต่ละแคว้นจะต้องส่งภาษีซึ่งหักส่วนของขุนนางแล้วกลับสู่กษัตริย์ นอกจากนี้ ตระกูลขุนนางยังมีมีบทบาทสำคัญในการปกครองประเทศมาก ในระยะแรกนั้นพระราชายูริทรงไม่มีอำนาจใดๆ ในการปกครองโดยตรง เนื่องจากยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงจำเป็นต้องให้มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปก่อนซึ่งก็มาจากคณะขุนนางทั้งสิบ (พระราชายูริทรงใช้อำนาจปกครองราชธานีและดินแดนรอบๆ โดยตรง และแบ่งออกเป็นอีก 10 แคว้น ให้ขุนนางดูแลปกครอง)
ขุนนางทุกคนจะมีนามสกุลว่า "ฟอน" ตามด้วยชื่อแคว้นที่ปกครอง เช่น ฟอน โวลแตร์, ฟอน กรานซ์ เป็นต้น (ฟอน หรือ von ในภาษาเยอรมัน หมายถึง of ในภาษาอังกฤษ หรือ de ในภาษาฝรั่งเศส) อ่านต่อ คลิก

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รหัสอะไรหรอคะ

แสดงความคิดเห็น